ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น
เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย
เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย
ดังนี้แล้ว ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน
นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด
ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด
ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น
ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี
ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว
แต่คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว
เดินหมากรุกยังต้อง " คิด "
เดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร
เมื่อใครสักคนหนึ่ง ทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขา
เพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา
ท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้
การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น
ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสามารถของตนอย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่
อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น
เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ใช่ หรือ อาจจะ"
เขามีความหมายว่า "อาจจะ"
เมื่อนักการฑูตพูดว่า "อาจจะ"
เขามีความหมายว่า "ไม่"
เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ไม่" เขาไม่ใช่นักการฑูต
( เพราะนักการฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร )
เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ไม่" หล่อนมีความหมายว่า "อาจจะ"
เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "อาจจะ" หล่อนมีความหมายว่า "ใช่ หรือ ได้"
เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ใช่ หรือ ได้" หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี
( สุภาพสตรีจะไม่ตอบรับใครง่าย ๆ )
คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย
ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ มองเห็นคิ้วของตน
คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น
แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยังอนาคต
“หากมนุษย์ขาดซึ่งมนุษยธรรม เขาจะมีอะไรข้องเกี่ยวกับขนบจารีตได้เล่า หากมนุษย์ขาดซึ่งนุษยธรรม เขาจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับดนตรีได้เล่า?”
ขงจื๊อ กล่าวไว้ ให้ทำการศึกษา เรียนรู้ข้อเท็จจริง
อย่าฟังแต่ความเห็น คำนินทา ดังคำกล่าวว่า
คนมีเมตตา ต้องฉลาด ไม่งั้นจะโดนหลอกได้ง่าย
คนฉลาด ต้องศึกษาสิ่งรอบตัว ไม่งั้นจะประพฤติตัวผิดได้ง่าย
คนซื่อสัตย์ คนตรง คนกล้า ต้องฉลาด ต้องศึกษา
เพราะจะหุนหันพลันแล่นและมีภัยใกล้ตัวง่าย
คนอยากมีอำนาจ ต้องศึกษา
เพราะคนรอบข้างอาจรู้สึกโดนข่มเห่ง และดูวางโตได้ง่าย
โลกเรายังมีอะไรอีกมากมายให้เรียนรู้
ฉลาด เก่ง คงไม่พอ แต่ต้องมีสติ รู้จักวางตัว
และต้องหมั่นศึกษาและติดตามข่าวสารที่เป็นความรู้ทั้งในสายวิชาชีพ
และการใช้ชีวิตในสังคมอีกด้วย ก่อนสิ้นใจ
ขงจื๊อได้ทิ้งท้ายข้อความไว้กับ ซื่อคง ไว้ว่า
“ ขุนเขาต้องพังทลาย ขื่อคานแข็งแรงปานใด สุดท้ายต้องพังลงมา เหมือนเช่น บัณฑิตที่สุดท้ายต้องร่วงโรย ”
หลักความรู้ ศาสตร์สี่แขนง ที่ขงจื๊อวางรากฐานไว้
ได้แก่ วัฒนธรรม ความประพฤติ ความจงรักภักดี และ ความซื่อสัตย์
โดยวัฒนธรรมเน้นถึงการเคารพบรรพบุรุษ และพิธีการโบราณ
ยึดถือผู้อาวุโสเป็นหลัก แต่ไม่ยึดติดหรืออายที่จะหาความรู้
จากคนที่ต่ำชั้นหรืออายุน้อยกว่า
แปดหลักการพื้นฐานในการเรียนรู้ ได้แก่ สำรวจตรวจสอบ
ขยายพรมแดนความรู้
จริงใจ
แก้ไขดัดแปลงตน
บ่มความรู้
ประพฤติตามกฎบ้านเมือง
ประเทศต้องได้รับการดูแล นำความสงบสุขมาสู่โลก
ลำดับการเรียนรู้ ได้แก่ พิธีกรรม
ดนตรี
ยิงธนู
ขี่ม้า
ประวัติศาสตร์
และ คณิตศาสตร์
คุณธรรมทั้งสาม ที่ได้จากการเรียนรู้ ได้แก่ ภูมิปัญญา
เมตตากรุณา
และความกล้าหาญ
สี่ขั้นตอนหลักการสอน ได้แก่ ตั้งจิตใจไว้บนมรรควิธี
ตั้งตนในคุณธรรม
อาศัยหลักเมตตาเกื้อกูล
สร้างสรรค์ศิลปะใหม่
สี่ลำดับการสอน ได้แก่ คุณธรรมและความประพฤติ
ภาษาและการพูดจา
รัฐบาลและกิจการบ้านเมือง
และสุดท้าย คือ วรรณคดี
沒有留言:
張貼留言