หลักธรรมพัฒนาตนเองให้มีความเสียสละ เมตตากรุณา กตัญญูกตเวที และสามัคคีความหมายของความเสียสละ เมตตากรุณา กตัญญูกตเวที และสามัคคี :
ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ 2542 (2546: 1223, 872,70, 6, 1178) อธิบายว่า “เสียสละ” หมายถึงการให้โดยยินยอมให้ด้วยความเต็มใจ ตรงกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาว่า “ทาน” และคำนี้มีปรากฎอยู่ในหลักธรรมคำสอนหลายหลักธรรมคำสอน
“เมตตากรุณา” หมายถึง ความรัก ความเอ็นดู ความปรารถนาจะให้ผู้อื่นได้สุข และคำว่า
“กรุณา” หมายถึง ความสงสารคิดจะช่วยให้พ้นทุกข์ เป็นข้อปฏิบัติใน หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาที่จะทำให้มนุษย์กลายเป็นพระพรหมเรียกว่า “พรหมวิหาร”
“กตัญญู” หมายถึง ผู้รู้ในอุปการะคุณที่ท่านทำให้ คือรู้คุณท่าน เป็นคำที่คู่กันกับคำว่า“กตเวที” ซึ่งหมายถึงการสนองคุณท่าน หรือ ผู้ประกาศคุณท่าน
“สามัคคี” หมายถึง ความพร้อมเพรียง ความปรองดองกัน ร่วมมือร่วมใจกันทำ
ความสำคัญของความเสียสละ เมตตากรุณา กตัญญูกตเวทีและสามัคคี :
สังคมไทยเป็นสังคม ที่ต้องการความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ เพื่อสร้างความสมานฉันท์ และสิ่งที่จะช่วยให้เกิดสิ่งที่สังคมปรารถนาได้ ก็คือ หลักธรรมเกี่ยวกับความเสียสละ เมตตากรุณา กตัญญูกตเวที และสามัคคีนั่นเอง
ในหลักธรรมที่กล่าวมาแล้ว เป็นหลักธรรมที่ต้องเริ่มปฏิบัติ เพื่อการพัฒนาตนเอง ให้เป็นบุคคลที่มีความงามเป็นเบื้องต้นในทางกาย ทางวาจา และทางใจ ส่วนหลักธรรมที่จะกล่าวต่อไปเป็นหลักธรรมที่จะต้องนำไปปฏิบัติแก่สังคม การที่ต้องเริ่มต้นจากตนเองก็เพราะ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่สอนให้คนพึ่งตนเอง ดังสุภาษิตที่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” และสุภาษิตคำกลอนที่ว่า
“ ตนเตือนใจของตนให้พ้นผิด ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน
ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน คนแชเชือนใครจะช่วยให้ป่วยการ ”
ดังนั้น เมื่อสามารถเตือนตน รักษาตนให้อยู่ในกรอบของศีล ดีแล้ว จึงควรมองดูผู้อื่น และทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น โดยการเสียสละ มีความเมตตากรุณาต่อผู้อื่น สัตว์อื่น มีความกตัญญูกตเวที ต่อผู้มีอุปการะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กตัญญูต่อแผ่นดิน และสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นในสังคม หลักธรรมนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาสังคม
沒有留言:
張貼留言