สิ่งร้อยรัดพันธนาการชีวิต

หากพูดว่า สิ่งร้อยรัดพันธนาการชีวิต คือสิ่งที่ต้องประสบพบผ่าน

มันคือรสชาติชีวิต ต้องเจ็บปวดทรมานทุกครั้งที่หกล้ม

ร่ำไห้เสียใจทุกครั้งที่ทุกทำร้าย  กลัดกลุ้มใจทุกครั้งยามพบเจอขวากหนาม

คับแค้นใจ เศร้าโศกเสียใจทุกครั้ง เมื่อชีวิตสมรสต้องล้มเหลว

แท้จริงแล้ว หากย้อนคิดในอีกแง่มุมหนึ่ง

ความทุกข์ ความเจ็บปวด คราบน้ำตา ความกลัดกลุ้มใจ ความคับแค้นใจ

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อชีวิตของคนเรา ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น

ช่วยยกระดับชีวิต ยกระดับจิตใจของเราให้สูงขึ้น

เพียงแต่รู้จักทำความเข้าใจในเหตุผลของเรื่องราว ปรับจิตใจให้ยอมรับความเป็นจริง

แล้วสามารถปล่อยวางได้ นั่นคือได้ปลดปล่อยจิตใจให้อิสระเสรี

แต่หากคุณย้อนคิดถึงเสมอ ทีสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต โดยเรื่องต่างๆที่เลวร้าย

คับแค้นในชะตาชีวิต ที่ไม่อาจไขว่คว้าสิ่งที่ใจปรารถนามาไว้ในครอบครอง

จิตใจของคุณคิดในแง่ลบตลอดเวลา เพราะจิตใจที่ยึดมั่น

สิ่งเหล่านั้น จึงกลายเป็นสิ่งร้อยรัดพันธนาการชีวิตและจิตใจของคุณ

ชีวิตของคุณจึงไม่อาจรอดหลุดจากวังวนแห่งความทุกข์

.....ธีรนาถ งานแปล.....

มีกี่คนที่รู้ว่าตนเองโชคดีแค่ไหน

คำว่าความสุข ความทุกข์ หรือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ได้จำกัดที่สถานะ ร่ำรวยสูงศักดิ์ ยากจน ต่ำต้อย และไม่ได้จำกัดที่ความรู้ หรือความเขลา ความรู้สึกที่เป็นสุขใจนั้นเสมอภาคกัน ความทุกข์ก็เสมอกันเช่นกัน เพียงแต่อาจแตกต่างกันที่สถานการณ์ เรื่องราววสภาพแวดล้อม แต่ความรู้สึกที่เป็นสุขใจไม่ต่างกันเลย นี่คือความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธใด้ ทำไมถึงกล่าวเช่นนี้ หากความสุขเป็นเรื่องคือเรื่องของคนรวย ทำไมทุกวันนี้บุคคลซึ่งมีฐานะชื่อเสียงมากมายในสังคมจึงฆ่าตัวตาย ความสุขนั้นขึ้นอยู่ที่จิตใจและการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า นิยามแห่งความสุขนั้นมีมากมาย และที่สำคัญคือการรู้ถึงศิลปะแห่งความสุข ลองถามตัวคุณเองว่าทุกวันนี้คุณมีความสุขไหม?

เพลงแต่งเอง "ความจริงของใจ"

อืม อืม อืม หากเธอต้องการจะไปจากฉัน สายเกินไปไหม หากฉันขอพูดความจริงสักคำ

เป็นเพียงคำพูดหนึ่ง เก็บไว้ในใจมานาน

อาจไม่มีความหมาย ไม่เคยซึ้งเลย

          ตลอดเวลา ผ่านมา ไม่เคยรักใครมาก่อน

           มีเพียงเธอเท่านั้น สำคัญกว่าใครๆ อืม อืม....

ท่อน (2) ขอร้องเธอได้ไหม ไม่เคยขอร้องใครมาก่อน

                     อย่าจากกันไป ทั้งๆที่ใจเรานั้น ยังผูกยังพันกันอยู่

                      ตลอดเวลา... ที่ผ่านไปนั้น อาจเป็นเพราะฉันที่พลั้งผิดไป

                     เหมือนไม่เคยเอาใจใส่ ไม่เคยเข้าใจ ในความห่วงใยที่เธอให้มา

                     ผิดที่ตัวฉันทำเธอเสียน้ำตา กว่าจะรู้ความจริงวันนี้ เกือบสายไป

                     ไม่เคยเสียใจอะไรอย่างนี้มาก่อน

ขอร้องเธอได้ไหม ไม่เคยขอร้องใครมาก่อน อยากให้เธอหันมองกลับมา

อย่างน้อย ให้ฉันได้พูดความจริงสักคำ ที่ผ่านไปนั้น ไม่ตั้งใจ

(ซ้ำ) ตลอดเวลา ผ่านมา ไม่เคยรักใครมาก่อน

           ก็มีแต่เธอเท่านั้น สำคัญทีสุดของใจ

           คือเธอเท่านั้น สำคัญที่สุด....ของใจ

เพลงแต่งเอง "ความรักใต้เหตุผล"

ความรักภายใต้เหตุ-ผล

คำขอโทษคำนี้ ฉันรู้ดีอาจทำร้ายใจเธอเจ็บ

แต่เราก็รู้ รู้กันอยู่ใช่ไหม ว่าชีวิตยังมีเหตุ-ผลอะไรมากมายที่มากกว่าเราจะรักกัน

อย่าให้ฝันของเธอต้องจบลงตรงที่ฉัน อย่าให้ใครคนนั้นของเธอเข้าใจผิด

อยากให้คิดว่าฉันบังเอิญ แค่เดินผ่านมา เมื่อถึงเวลา ก็ควรต้องไป

คำขอโทษคำนี้ ฉันรู้ดี ยากเกินอภัย

แต่อยากให้เธอเข้าใจ ฉันไม่อาจเป็นตัวจริงของเธอ

คำขอโทษคำนี้ ฉันรู้ดียากเกินตัดใจ

แต่เราก็รู้ รู้กันอยู่ใช่ไหม ว่าชีวิตยังมีเหตุ-ผลอะไรมากมายที่มากกว่าเราจะรักกัน

อย่าให้ฝันของเธอต้องจบลงตรงที่ฉัน อย่าให้ใครคนนั้นของเธอเข้าใจผิด

อยากให้คิดว่าฉันบังเอิญ แค่เดินผ่านมา

มด สัตว์ตัวเล็กๆ ที่ใช้ชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์ในโลกใบนี้

มด สัตว์ตัวเล็กๆ ที่ใช้ชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์ในโลกใบนี้ หากคุณสังเกตสักนิด คุณจะพบว่าคุณได้ข้อคิดอะไรดีๆมากมายจากเพื่อนร่วมโลกตัวน้อยนี้ นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันเคยทดลองและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับมด มดคันไฟจากอเมริกาใต้ขึ้นชื่อเรื่องการเอาชีวิตรอดจากน้ำท่วมด้วยการต่อกันเป็นแพ ความสามัคคีทำให้พวกมันไม่ต้องประสบโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าสลด  เวลาที่พวกมันตกลงไปในน้ำ พวกมันจะว่ายมาเกาะกลุ่มรวมกัน แล้วต่อกันเป็นแพ พากันว่ายไปสู่ฝั่ง พวกมันจะไม่ทิ้งกัน

เมื่อไปถึงฝั่ง พวกมันจะให้มดที่อยู่ข้างหลัง เหยียบข้ามเพื่อไต่ขึ้นไปสู่ฝั่ง มดตัวสุด มดตัวแรกที่มาถึงฝั่งก่อนจะขึ้นฝั่งเป็นตัวสุดท้าย

คุณได้แง่คิดอะไรบ้าง จากตัวอย่างนี้ ผู้เขียนย้อนคิดเสมอว่า หากเป็นเรา เรามีโอกาสที่ดีกว่า สามารถไปถึงเป้าหมายก่อน สามารถประสบความสำเร็จก่อน  เราใจกว้างพอไหมที่จะเสียสละโอกาสดีๆของตัวเอง ให้ผู้อื่นไต่เต้าไปสู่ความสำเร็จ

เรายอมไหมที่จะให้ผู้อื่นเหยียบย่ำเรา ข้ามหัวเราไปเพื่อถึงเป้าหมาย

บริษัทหนึ่งที่ก่อตั้งขึ้นมาด้วยกัน ทุกคนควรเคารพให้เกียรติกัน ทำบทบาทหน้าที่ของตัวเองให้ดี ที่สำคัญคือความสามัคคี หากต่างคนต่างเก่ง แสดงความสามารถของตัวเองไปคนละทาง ธุรกิจของคุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จได้

ฝูงมดตัวน้อยมันเกาะกลุ่มรวมกัน แสดงพลังความสามัคคีจึงสามารถไปถึงเป้าหมาย แล้วตัวคุณล่ะ คุณใช้แนวทางอะไรในการนำทีมงานของคุณไปสู่ความสำเร็จ คุณไม่อาจปฏิเสธความล้มเหลวได้เลย หากคุณละเลยมองข้ามพลังแห่งความสามัคคี

พลิกมุมมองชีวิตเพื่อความสำเร็จ _ธีรนาถ

ในชีวิตมีหลากหลายเรื่องราว ผันเปลี่ยนไปตามวันเวลา

ใจอย่าสั่นไหว อย่าอาลัยกับบางสิ่งที่ไม่อาจหวนคืนมา

ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ ไม่มีอะไรที่เริ่มต้นใหม่ไม่ได้

ความสุข บางครั้งไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่

แต่ขึ้นอยู่ที่ใจของเรา ซึ่งรู้จักคุณค่าความหมายของตัวเอง

ความล้มเหลว บางครั้งไม่มีผลกระทบอะไรเลยกับความสุข

เพราะความสุข บางครั้งขึ้นอยู่ที่ความพึงพอใจ

ที่ได้ทุ่มเทพยายามแล้วอย่างเต็มที่ แม้อาจไม่ได้เลิศหรู หรือเป็นอย่างที่ใครหวัง

คนที่รู้จักคุณค่าชีวิต มีความสุขกับการได้ทุ่มเททำสิ่งดีๆในชีวิต

แม้อาจผิดพลาดล้มเหลวไปบ้าง แต่อย่างน้อยเราก็ได้ทำเต็มที่แล้ว

ปล่อยมือ ให้เธอไปสู่ฝัน

เพลง : ปล่อยมือ ให้เธอไปสู่ฝัน

(คำร้อง ธีรนาถ)

ฉันทำทุกอย่าง เพื่อลบลืมภาพเธอจากใจ

ปล่อยมือเธอ ให้เธอก้าวสู่ความฝันที่สวยงาม

ปล่อยมือเธอ เพราะรู้ดีว่าใจของเธอไม่เคยมีฉัน

หากฉันเห็นแก่ตัวเหนี่ยวรั้งเธอไว้ อาจเจ็บทั้งสองฝ่าย

แต่วันนี้ฉันยอมเจ็บปวดลำพัง ยอมทำทุกอย่าง ขอแค่เธอสุขใจ

นกน้อย โผผิน บินไปไกลแสนไกล

นกน้อยจากไป ไม่มีบินกลับหวน

เหลือเพียงฉัน อยู่ตรงนี้ลำพัง กับความทรมานที่เกาะกินใจ

 ฉันทำทุกอย่าง เพื่อลบลืมภาพเธอจากใจ

ปล่อยมือเธอไป ให้เธอก้าวสู่ความฝันที่สวยงาม

ปล่อยมือเธอ เพราะรู้ดีว่าใจของเธอไม่เคยมีฉัน

ความเชื่อมั่นในตนเอง

คนเชื่อมั่นในตนเอง จะทำให้เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองด้วย แต่ไม่ใช่หมายถึงให้คุณเป็นหัวดื้อ แต่หมายถึง ให้มีจุดยืนของตัวเอง ไม่ว่าผู้อื่นจะคิดอย่างไร ต่อความคิดของเขา หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร เขาจะมุ่งมั่นทำมันเพื่อพิสูจน์ใจตัวเอง ว่าเขาสามารถทำได้ จนประสบความสำเร็จในที่สุด และจะภูมิใจในความคิดของตัวเอง ไม่ท้อแท้เพียงเพราะการถูกสบประมาทจากคนอื่น หัวหน้าหลายคนทำให้ลูกน้องขาดความมั่นใจโดยไม่รู้ตัว เพราะจะคอยทักว่าไม่ดี ไม่ควรทำ เพราะหัวหน้าเห็นข้อจำกัดของลูกน้อง แต่จริงๆ แล้ว เท่ากับปิดกั้นไม่ให้ลูกน้องได้คิดเอง ทำให้เขาไม่มีโอกาสแสดงความสามารถเต็มที่ สุดท้ายลูกน้องคนนั้น จะไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเลย แล้วก็กลายเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองในที่สุด หลายคนที่เป็นผู้นำ ควรระวัง ข้อนี้ให้ดี  เพราะจะมีผลต่อการบริหารงาน ประสิทธิภาพการทำงาน ผู้ที่มีความเชื่อมั่นต่อตนเอง พึงตระหนักอยู่เสมอว่า ควรจะมีความเชื่อมั่นต่อผู้อื่นด้วยเช่นกัน แม้บางคนอาจจะไม่มีฝีมือความสามารถจริง แต่คนเรารู้จักที่จะเสริมสร้างกำลังใจ เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้อื่นด้วย เช่นนี้แล้วรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง 

ธรรมะ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว

* ธรรมะไม่ใช่มีไว้สำหรับให้คนแก่ ศึกษาปฏิบัติเท่านั้น ธรรมะเป็นสิ่งที่คนทุกวัยควรศึกษาปฏิบัติและปรับใช้ในชีวิตประจำวัน การศึกษาธรรมะไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่ใช่เรื่องเชย ที่หลายคนเข้าใจผิดกัน วัยรุ่นในปัจจุบัน หากรู้ธรรมะ จะรู้จักคบเพื่อน รู้จักวางตัวในสังคม ครอบครัวจะมีความสุข มีผลดีต่อการศึกษาเล่าเรียน พ่อแม่ไว้วางใจ ไม่เกิดปัญหาสังคมอย่างในปัจจุบัน

* วัยรุ่นหากรู้จักใช้หลักธรรมะ รู้จักใช้หลักเหตุผล ในด้านความรัก จะสามารถแยกแยะได้ระหว่างความรัก กับตัณหาความไคร่ รู้จักความรักที่บริสุทธิ์ ไม่ชิงสุกก่อนห่าม รู้จักรักอย่างมีสติ มองการณ์ไกล และมีความรักที่มั่นคง มีความสุขอย่างแท้จริง แน่นอนความรักคือสิ่งบริสุทธิ์สวยงาม แต่ถ้ารักไม่เป็น อาจต้องเสียใจตลอดทั้งชีวิต หรือกว่าจะคิดได้ ทุกอย่างก็สายเกินไป ดังนั้นวัยรุ่นที่มีปัญญา  จะไม่คิดว่าธรรมะเป็นเรื่องไกลตัว

เพลงแต่งเอง (ไม่อาจกลับไป เป็นคนเดิมเหมือนเก่า)

จากบ้านมาแดนไกล หัวใจไม่เคยลืมความผูกพัน

ความรักของใครที่ยิ่งใหญ่ล้นฟ้า ไหนเลยเปรียบรักแท้ ของครอบครัว

จากบ้านมา เพื่อตามหาฝัน แต่ความจริงนั้น หลงทางมืดมน

คิดถึงรอยยิ้มอบอุ่น คิดถึงสายตาห่วงใย คิดถึงวันวานที่เรามีกัน

เธออยู่ตรงนั้น ยังอยู่ที่เดิมเหมือนเก่า

แต่ฉันยิ่งเดินหลงทาง ไกลห่างออกไปทุกที

คิดถึงฉันบ้างไหม คนไกลที่เธอเคยรักมากมาย

อยากบอกให้เธอรู้ว่าฉัน ไม่เคยลืมเธอเลยสักครั้ง

แต่ที่ทำได้ ได้แต่ความรู้สึกของใจ ไว้ในความเงียบงัน

เพราะรู้ว่าฉันไม่อาจกลับไปเป็นคนเดิมเหมือนเก่า

จากบ้านมาแดนไกล ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากมาย

คิดถึง ได้แต่คิดถึง ได้แต่เรียกร้องในใจ ไม่อาจกลับไปเหมือนเก่า

ไม่อาจกลับไปเป็นคนเดิมเหมือนเก่า

ตำรับยาวิเศษของเหอเซียงกู หนึ่งในแปดเซียน

ครั้งหนึ่งมหาเทพหลวี่ต้งปิน ไปซื้อยาที่ร้านบิดาของเหอเซียงกู

เพื่อทดสอบจิตใจของนาง เหอเซียงกูนำยาอะไรมาขายให้ท่านหลี่วต้งปิน?

 นางกล่าวเป็นโฉลกดังนี้ว่า

父慈子孝家和散，

บิดามีเมตตา บุตรกตัญญู ครอบครัวสมานฉันท์

兄寬弟恭順氣湯，

พี่โอบอุ้ม จิตใจกว้าง น้องเคารพนอบน้อม

ดั่ง น้ำแกงปรับธาตุสมดุล

妯娌和睦消毒飲，

พี่สะไภ้ น้องสะไภ้ สามัคคีปรองดอง  ดั่งมียาแก้ดี แก้พิษร้าย

家有賢妻化氣方。」

ครอบครัวมีสะไภ้ดีมีคุณธรรม

 ดั่งมียาวิเศษแปรสิ่งเลวร้าย เกิดสิริมงคล

父慈子孝家和散

ความหมายคือ ---- หากบิดามารดามีความรัก มีความเมตตาต่อลูก

ลูกมีความกตัญญู ครอบครัวจะมีความสุขสมานฉันท์

兄寬第恭順氣湯

ความหมายคือ ---- คนเป็นพี่ ควรใจกว้าง โอบอุ้มให้อภัย

คนเป็นน้องควรมีความเคารพนอบน้องต่อพี่

เช่นนี้ ดั่งเสมือน น้ำแกงปรับธาตุสมดุล “ซุ่นชี่ทัง”

ในสังคมปัจจุบัน บางครั้งพี่น้อง บาดหมางใจ

ทะเลาะวิวาทกัน เพราะการแบ่งทรัพย์สมบัติ

 ความโลภ ทำลายเยื่อใย ความรัก ความผูกพันธ์ระหว่างพี่น้อง

พระอริยะกล่าวว่า “ทรัพย์สมบัติของบรรพบุรุษ ไม่จำเป็นต้องวิวาทแย่งชิงกัน 

ความผาสุข

ความผาสุข  มิใช่ได้รับมา เพราะมีทรัพย์สมบัติมากมาย มิใช่ได้มาเพราะมีอำนาจ มีหน้าตาสง่าราศีดี แต่ได้รับมาจากการที่คุณอยู่ร่วมกันกับผู้คนทั้งหลาย รอบตัวของคุณนั่นเอง ท่ามกลางวันเวลาของชีวิตที่เรียบง่าย ขอให้รู้จักถนอมสัมพันธ์ภาพที่ดีงามกับผู้คนทั้งหลายรอบตัวคุณ  ถนอมทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นและผ่านเข้ามาในชีวิต จงถนอมรักษาสรรพสิ่งที่มีอยู่ในชีวิตของคุณ  ในท่ามกลางการดำรงชีวิตที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง อย่าได้ปล่อยให้ตนเองต้องสูญเสียความรู้สึกทั้งหลายที่ดีๆ คุณควรเรียนรู้ที่จะหยุดนิ่งบ้าง ปล่อยวางจิตใจของคุณให้นิ่งสงบ จากนั้นหันไปมองรอบๆของตัวคุณ ใช้ใจของคุณไปดื่มดำกับทุกอย่าง ใช้ความรักของคุณไปสัมผัสเข้าใจ ใช้พลังทั้งหมดของคุณลิ้มรสอรรถรสที่แสนวิเศษของชีวิต  แล้วเมื่อนั้นเทพพิทักษ์ชีวิตก็สามารถไล่ตามคุณทัน

ปรัชญา ว่าด้วยหลักเหตุผล

人也必須依照理來做事，

是謂「有理走遍天下，無理寸步難行。」

是故作威作福是不講理。

คนเรานั้น จำเป็นต้องอาศัยหลักเหตุผล มาดำเนินเรื่องต่างๆ 

ดังที่ เรียกว่า  “มี “หลัก”สามารถดำเนินไปได้ทั่วหล้า  

หากไร้ซึ่ง “หลักธรรม” แม้ครึ่งก้าวก็ยากดำเนิน” 

ดังนั้นการใช้อำนาจบาตรใหญ่  คือ ไร้เหตุผล

顛倒是非是不講理。青白不分是不講理。

การบิดเบือนความถูกผิด คือ ความไร้เหตุผล  

การไม่แยกแยะเรื่องถูกผิด คือ ความไร้เหตุผล

恃強凌弱是不講理。不顧信用是不講理。

อาศัยความเข้มแข็ง ข่มเหงผู้อ่อนแอกว่า  คือ ความไร้เหตุผล

ไม่รักษาสัจจะ  คือ ความไร้เหตุผล

一個人如果不講理，就如同禽獸一般，

而不能與人和睦相處。

คนๆหนึ่ง หากไม่พูดหลักเหตุผล ย่อมเปรียบดั่งเดรัจฉานทั่วไป

ไม่อาจอยู่ร่วมกับผู้คนด้วยความรักใคร่ปรองดองได้

星雲法師慈語：ธรรมวจนะ พระเถระซิงอวิ๋น

星雲法師慈語：

ธรรมวจนะ พระเถระซิงอวิ๋น

「如何自我健全」

ทำตนเองให้สมบูรณ์อย่างไร

一、 自知者方可明白腳下。

                ผู้ที่รู้จักตนเองนั้น ย่อมเข้าใจจุดยืนในความเป็นจริง

二、 自信者方可不誘惑。

                ผู้ที่เชื่อมั่นตนเองนั้น ย่อมจะไม่ถูกยั่วยวน

三、 自立者方可主生存。

                ผู้ที่รู้จักยืนหยัดด้วยตนเองนั้น ย่อมอยู่รอดได้

四、 自尊者方可灑脫自在。

                ผู้ที่รู้เคารพตนเองนั้น ย่อมมีชีวิตอิสระเสรี

คำสอนปราชญ์ชาวอินเดีย

²  「把自己當成別人」 是「無我」

“คิดว่าตนนั้น เป็นผู้อื่น” คือ “ ไร้ซึ่งอัตตา ”

²  「把別人當成自己」 是「慈悲」

“ มองผู้อื่นคือตนเอง” คือ มี “เมตตาธรรม”

²  「把別人當成別人」 是「智慧」

“ มองผู้อื่น เป็นผู้อื่น ” คือ มี “ ปัญญาธรรม ”

²  「把自己當成自己」三者圓滿之後才能體會與實現吧

“ มองตนเอง คือตนเอง ” คือหากสามประโยคข้างต้น มีพร้อมสมบูรณ์ จึงสามารถสัมผัสเข้าใจชีวิต และไปดำเนินปฏิบัติจนให้ปรากฏจริง ดังนั้นข้อนี้หมายถึงต้องผ่านประสบการณ์การเรียนรู้ทั้งชีวิต เพื่อเข้าถึงสัจธรรม

ความรักของพ่อแม่

ความรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่ ในโลกนี้ ท่านให้กำเนิดลูกด้วยความรัก

ลูกทุกคนคือแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ พ่อแม่ทำทุกอย่างได้เพื่อลูก แต่มิใช่ว่าลูกทุกคนจะทำทุกอย่างได้เพื่อพ่อแม่ แม้คนทั้งโลกไม่อาจให้อภัยต่อความผิดใหญ่หลวงที่เราทำ

แต่พ่อแม่รักและให้อภัยลูกเสมอ มีลูกกี่คนที่คิดถึงพระคุณของท่าน ความรักของพ่อแม่ดั่งขุนเขา มหานที แต่ความรักของลูกที่มีต่อพ่อแม่ดั่งผงธุลี ทุกคนควรย้อนคิดถึงพระคุณของพ่อแม่ให้มากๆ อะไรที่ทำเพื่อท่านได้ ขออย่าให้ขาดตกบกพร่อง สำคัญที่สุดคือ ให้ท่านมีชีวิตที่เป็นสุขใจ อย่าปล่อยให้ทุกอย่างสายเกินไป รอจนท่านล่วงลับแล้วมาสำนึกเสียใจทีหลัง ดั่งตัวอย่างของติงหลันแกะสลักขอนไม้เซ่นไว้บุพการี

朋友之分析 บทวิเคราะห์การคบมิตร (ฉบับปรับปรุง)

益者三友，損者三友。

เพื่อนที่ให้คุณ มี 3 ประเภท，เพื่อนที่ให้โทษมี 3  ประเภท

益者三友：เพื่อนที่ให้คุณมี 3 ประเภท คือ

1. 友直         เพื่อนที่ซื่อตรง

2. 友諒           เพื่อนที่เข้าใจ 

3. 友多聞     เพื่อนที่มีความมีการศึกษา

益者三樂：

ความชอบที่ให้คุณมี  3 อย่าง คือ

1. 樂節禮樂                 ชอบจริยะและดนตรีมาควบคุมตน

2. 樂道人之善  ชอบส่งเสริม ชื่นชมความดีงามผู้อื่น 

3. 樂多賢友    ชอบคบหาบัณฑิตเมธีเป็นกัลยาณมิตร

損者三友：

เพื่อนที่ให้โทษ มี 3 ประเภท คือ

     1. 友便辟 เพื่อนที่คดในข้องอในกระดูก 

     2. 友善柔 เพื่อนที่ประจบสอพลอ

     3. 友便佞 เพื่อนที่สับปลับกลิ้งกลอก

損者三樂

ความชอบที่ให้โทษ มี  3 อย่าง  คือ

     1. 樂驕樂 ชอบเที่ยวเตร่เสเพล

     2. 樂佚遊 ชอบคบเพื่อนกินเพื่อนเที่ยว

     3. 樂宴樂 ชอบความฟุ้งเฟ้อและเย่อหยิ่ง 

同修間或有相互考驗，應當視為相互砥勵成就人格的資糧。

ระหว่างเพื่อนร่วมบำเพ็ญด้วย อาจมีการทดสอบเคี่ยวกรำซึ่งและกัน  ควรมองว่านี่เป็นการส่งให้กำลังใจกัน เป็นการเสริมสร้างศีลธรรมจรรยาของความเป็นคนที่สมบูรณ์

責善是朋友之道

การตักเตือนกันในสิ่งดี คือหลักธรรมของความมิตรสหาย

責善：朋友之道，互相切磋琢磨，勸勉之義也。

การตักเตือนกันให้ทำในสิ่งที่ดี คือหลักธรรมของความเป็นมิตรสหาย การปรึกษาหารือ ร่วมกันศึกษาเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งและกัน คือ มี “มโนธรรม” 

三等朋友

มิตรภาพแบ่งหลายระดับ เช่น

 *上等之交：同心同德，久而敬之

มิตรภาพระดับสูง คือ ร่วมใจร่วมคุณธรรม ยิ่งนานวันมีความเคารพซึ่งกัน

 (ดังเช่น -- ท่านเล่าปี่ กวนอู เตียวฮุย ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันในสวนท้อ “แม้ไม่ได้เกิดวันเดือนปีเดียวกัน แต่ขอตายวันเดือนปีเดียวกัน)

中等之交：尊重而包容，嘉善而矜不能

มิตรภาพระดับกลาง คือ เคารพให้เกียรติกัน มีจิตใจโอบอุ้มให้อภัยกัน สรรเสริญคนดี เห็นใจผู้ที่ด้อยกว่า

下等之交：可者與之，不可者拒之。

มิตรภาพระดับพื้นฐานทั่วไป คือ เจอคนดีก็คบหา เจอคนไม่ดีก็ไม่คบหา

非明友之道：同乎流俗，合乎污世，言不及義，斜肩諂笑

เพื่อนที่ไร้ซึ่งคุณธรรม คือ จะคล้อยตามกระแสสังคม แปดเปื้อนสิ่งโสมม  พูดในสิ่งไร้สาระ ขาดซึ่งมโนธรรม  แสร้งยิ้มเอาใจ แสร้งให้ความเคารพ แสร้งยกยอปอปั้น

巧言令色，成惡不成美，輕諾寡信，寡廉鮮恥，此乃非朋友之道也。

คำพูดที่ไพเราะ แต่เต็มไปด้วยเล่เหลี่ยม ใฝ่ชั่ว ไม่ใฝ่ดี รับปากง่าย แต่ไม่รักษาคำพูด ขาดสุจริต จิตไร้ละอาย เช่นนี้คือมิตรสหายที่ไร้ซึ่งคุณธรรม

東方朔和神仙酒 ขุนนางตงฟางซั่วกับเทพสุรา

เมื่อครั้งอดีต ในปลายราชวงค์ฮั่น กษัตริย์อู่ตี้งมงาย เชื่อคำพูดผู้โง่งมของผู้ที่แอบอ้างตนแสวงวิถีเพื่อสำเร็จเซียน อีกทั้งสามารถเสาะหายาอายุวัฒนะ  พระองค์ปรารถนาแสวงหาวิธีที่ทำให้ตนอายุยืนคงกระพัน ไม่แก่เฒ่า  ครั้นได้ยินว่าที่ถ้ำแห่งเขาถิงหูจวิน มีเหล้าทิพย์ ดื่มแล้วจะเป็นอมตะ พระองค์จึงถือศีลกินเจเจ็ดวัน  จากนั้นบัญชาให้ข้าราชบริพารทั้งชายหญิงสิบกว่าคน ไปนำสุราทิพย์มาถวาย ผ่านไปไม่กี่เดือนก็สามารถไปนำสุราทิพย์มาได้ จากผู้ที่แอบอ้างตนว่าเป็นเทพสรุา กษัตริย์อู่ตี้ดีใจยิ่งนัก กำลังคิดอยากดื่มสุรา ตงฟางซั่วฟางขุนนางชั้นสูง กราบทูลขออนุญาติว่า  “ ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นผู้รอบรู้เชี่ยวชาญเรื่องสุราทิพย์ โปรดอนุญาติให้หม่อมฉันทำการตรวจสอบวินิจฉัย ว่าเป็นเหล้าจริงหรือปลอม ” กษัตริย์อู่ตี้ประทานอนุญาติ ขุนนางตงฟางซั่วเมื่อรับเหล้ามา ก็ดื่มจนหมดแก้ว กษัตริย์อู่ตี้พิโรธจนตัวสั่น เรียกให้ทหารจับตัวขุนนางตงฟางซั่วไปประหารชีวิตทันที แต่ท่านตงฟางซั่วกลับหัวเราะเสียงดัง กล่าวว่า “ใต้ฝ่าพระบาท พระองค์ฆ่าหม่อมฉันไม่ตายหรอกพะย่ะค่ะ เพราะหม่อมฉันดื่มเหล้าทิพย์เข้าไปแล้ว หากพระองค์สามารถฆ่าหม่อมฉันตาย แสดงว่าเหล้าทิพย์เป็นเหล้าปลอม” กษัตริย์อู่ตี้เมื่อได้ฟัง ก็จนใจ จำต้องปล่อยตัวเขาไป

ปรัชญาจากเสน่ผ้าขี้ริ้ว

ชีวิตของเรา ต่างอะไรกัน ผ้าขี้ริ้ว (อีกมุมที่น่าคิด)

1.
ผ้าขี้ริ้วยอมสกปรกเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด เสน่ห์ของคนอยู่ที่ยอมลำบากเพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุข พ่อแม่ยอมเหนื่อยเพื่อให้ลูกหลานอยู่สุขสบายความสุขแท้ของคนคือการได้ยืนแอบยิ้มอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

2.
ผ้าขี้ริ้วดูดซับความสกปรกได้ แต่ก็สลัดความสกปรกออกจากตัวได้ตลอดเวลา เสน่ห์ของคนอยู่ที่รู้ตัวเองว่าสกปรก ถึงเวลาต้องชำระล้างแล้ว มิใช่อมความสกปรกไว้แล้ว แกล้งบอกว่าตนเองสะอาด

3.
ผ้าขี้ริ้วเป็นผ้าที่สะอาดที่สุด ในขณะที่คนมองว่าสกปรกที่สุด เหมือนคนที่ฝึกหัดขัดเกลาตนเอง รู้จักถ่อมตนและอ่อนโยน ไม่โอหังอวดดีให้เป็นที่รังเกียจหมั่นไส้ของคนอื่น เขาจะเป็นคนที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะมาจากสกุลใด การศึกษามากหรือน้อยก็ตาม เป็นผู้ใฝ่รู้แต่ไม่อวดดี เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง

4.
ผ้าขี้ริ้วถึงจะเป็นผ้าไม่มีราคา แต่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ได้ เหมือนคนที่พยายามทำตนให้มีคุณค่า ด้วยการทำงานมิใช่ด้วยการประจบ ทำตนให้มีประโยชน์ ให้มีค่า ไม่ใช่งอมืองอเท้า น้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาชะตาชีวิต ต้องสร้างกำลังใจให้ตนเองอย่ารอคอยจากคนอื่น  

5.ผ้าขี้ริ้วไม่เกี่ยงงอนว่าจะถูกใช้เช็ดถูอะไร เหมือนคนที่ยอมตัวอาสาทำงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ปริปากบ่น รู้จักอาสาคน อาสาทำงาน ต้องตั้งใจทำงานโดยไม่เกี่ยงงอน ไม่ว่าจะเป็นงานใด ๆ ก็ตาม คนที่ตกงานเพราะไม่ยอมทำงาน

6.
ผ้าขี้ริ้วยอมให้ถูกใช้งานในที่สกปรกที่สุด เหมือนคนที่ยอมทำในสิ่งที่คนทั้งหลายรังเกียจ ที่เขาเห็นว่าเป็นงานชั้นต่ำ แต่ก็ตั้งใจทำให้เป็นของมีค่าขึ้นมาได้ หรือยินดีในการบริการ เหมือนคนที่อิ่มเอิบเมื่อได้บริการรับใช้คนอื่น รับใช้สังคม ดีใจเมื่อคนยินดีมาใช้บริการความรู้ ความสามารถของตน และยินดีที่ได้เสนอตัวเข้าไปบริการมากกว่าเข้าไปบริหาร

7.
ผ้าขี้ริ้วพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสะอาด เหมือนคนควรพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จของคนอื่น ต้องมีความพอใจที่จะทำงานปิดทองหลังพระ เป็นนายอินหรือนางอิน ผู้ปิดทองหลังพระ มีความสุขและภูมิใจที่ได้มอบความสำเร็จให้คนอื่น มีมากที่ผู้น้อยบางคน ทำงานแล้วทำให้ผู้ใหญ่เล็กลง ขณะที่ตัวเองโตขึ้น

8.
ผ้าขี้ริ้วทนทานต่อการขัดถูซักล้างไม่เปราะบาง เหมือนคนที่มีความอดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็อดทนได้ เพื่อให้สำเร็จ ประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น มีจิตใจหนักแน่นไม่เปราะบางหักง่าย คือไม่เป็นคนทุกข์ง่ายใจเบา แต่นิ่งและหนักแน่นคงดุจแผ่นดิน

9.
ผ้าขี้ริ้วแม้จะถูกมองว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว แต่ไม่ทำตัวให้ขี้เหร่ เหมือนคนที่รู้ตัวเองว่า กำลังถูกึนปรามาสสบประมาท จะต้องตั้งใจเอาชนะอุปสรรค ครงนั้นให้ได้ ไม่พ่ายแพ้ต่อคำปรามาสของผู้อื่น รู้ตัวตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรและมีกำลังใจในสิ่งนั้น มองเห็นคุณค่าจากสิ่งที่คนทั้งหลายมองว่าไร้ค่า เมื่อมีปัญหาให้หัดมองสองด้านเสมอ ผ้าขี้ริ้วมีเสน่ห์เพราะยอมสัมผัสกับสิ่งสกปรก

เราต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าและมองเห็นค่าของตัวเองก่อน แล้วเราจะไม่รู้สึกท้อแท้หมดหวัง
ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน หากทนความทุกข์ยากลำบาก ยอมสัมผัสกับงานที่ต่ำต้อยได้ก็จะมีเสน่ห์ และมีความหมาย ทุกคนจึงควรพากเพียรพยายามสร้างเสน่ห์ให้กับชีวิต อย่างที่ผ้าขี้ริ้วสร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง คุณเห็นด้วยไหม ที่ว่าเราต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าและมองเห็นค่าของตัวเองก่อน แล้วเราจะไม่รู้สึกท้อแท้หมดหวัง

ครั้งในชีวิตของเรา ที่ถูกทิ้งถูกเหยียบย่ำ และถูกทำให้สกปรก โดยสิ่งที่เราตัดสินใจทำมัน และสภาพแวดล้อมที่เราเจอ ทำให้เรารู้สึกว่าคุณค่าของเราลดน้อยลง แต่ไม่ว่าอะไรที่ได้เกิดขึ้น หรืออะไรที่จะเกิดขึ้น คุณไม่เคยสูญเสียคุณค่าของคุณ คุณเป็นคนพิเศษ อย่าลืมมันตลอดไป! "อย่านำความผิดหวังของเมื่อวานมาบดบังความฝันในวันพรุ่งนี้" 

一千塊錢 ธนบัตรใบละ 1,000”

“一千塊錢”

“ ธนบัตรใบละ 1,000”

有一位大學教授在課堂上教書，上課時，他拿了一張一千塊錢出來，問學生們：「有沒有人想要？」

อาจารย์มหาลัยคนหนึ่ง  เริ่มสนทนาในชั้นเรียน ด้วยการหยิบธนบัตรใบละ 1,000 บาทออกมาให้นักศึกษาดู แล้วถามว่ามีใครอยากได้บ้าง

所有的學生舉手。

นักศึกษาทุกคนยกมือขึ้น

教授把錢揉成一團，一千元變得皺巴巴。再問大家：「還有人想要嗎？」

อาจารย์ขย่ำธนบัตรใบนั้นจนยับยู่ยี่ แล้วถามอีกครั้งว่ามีใครยังอยากได้ธนบัตรใบนี้อีกหรือไม่?

大家還是舉起手，仍然還有人要這一千塊錢。

นักศึกษาทุกคนยังคงยกมือ ยืนยันว่ายังอยากได้เงิน 1000 บาทนี้

教授說：「如果這張一千塊錢被丟棄在地板上，任人踐踏，變得很骯髒，還有人想要嗎？」

อาจารย์ถามต่ออีกว่า ถ้าธนบัตรนี้ถูกทิ้งอยู่บนพื้น        แล้วมีคนเหยียบย่ำจนสกปรก ยังจะมีใครอยากได้อีกหรือไม่

所有的學生還是回答說，要。

นักศึกษาทุกคนตอบคำเดิมว่า “ยังอยากได้”

教授作結論說：「這就是你們今天學到的最寶貴知識。這張1000塊，不管怎樣被弄髒、被踐踏，它的價值還是1000塊。

อาจารย์จึงกล่าวสรุปว่า “นั่นคือสิ่งมีค่าที่พวกเธอได้เรียนรู้ในวันนี้ คือไม่ว่าเธอจะทำอะไรกับธนบัตรใบนี้ ทำให้มันสกปรก หรือเหยียบย่ำมัน มันก็ยังคงมีราคา 1,000 บาท….

我們人也是一樣，雖然被拋棄、遭受一切不如意。被人侮辱、歧視、毀謗，甚至背黑鍋！被人忽略、被人踐踏、受到嚴重的摧殘，有時在人生一路上走過來，有挫折、有跌倒、有過失、有犯錯，讓你感覺自己沒有用、人生毫無價值……

ชีวิตคนเราก็เช่นเดียวกัน บางครั้งเราอาจจะถูกทอดทิ้ง ชีวิตไม่ราบรื่น ถูกเหยียดหยาม ดูแคลน ใส่ร้ายป้ายสี ถูกคนอื่นโยนตราบาปให้ ถูกมองข้าม ถูกใครต่อใครซ้ำเติมเหยียบย่ำ ถูกขยี้ยับเยิน  เจอสิ่งโหดร้ายสารพัน เพราะความผิดพลาดในการก้าวเดินของชีวิต เจออุปสรรค หกล้ม จนทำให้เธอเกิดความรู้สึกว่าตนเองนั้นแสนไร้ค่า

但不管無論如何、無論發生什麼事情，你身為人，你的人生仍然很有價值，不管你很乾淨，或在地上被踐踏得很骯髒，你還是你，還是有價值，像這一張1000塊一樣。特別是，對於那些疼愛你的人。

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปราบใดที่เป็นคน ชีวิตเธอก็ยังมีคุณค่าของความเป็นคน ไม่ว่าเธอจะสะอาดเอี่ยม หรือ ถูกเหยีบย่ำจนสกปรก เธอก็ยังเป็นเธอ เป็นคนๆเดิมที่มีคุณค่า เหมือนกับธนบัตร1000บาท ใบนี้….โดยเฉพาะสำหรับคนที่รักเธอ……